วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลของหน้าจอ Home

การเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลของหน้าจอ Home

   เปลี่ยนโครงสร้างที่หน้าจอโฮม

        - แตะต้างแอพต่างๆในหน้าจอ

     หลังจากการกด Digital Crown เพื่อมายังหน้าจอโฮมแล้ว ให้คุณ แตะค้างแอพใดแอพหนึ่ง จากนั้นรายการแอพต่างๆจะกระดุกกระดิก และหากแอพใดแสดงเครื่องหมาย [x] ที่ด้านบน แสดงว่าเป็นแอพที่มาจากการดาวน์โหลด



          - ลากแอพไปยังตำแหน่งที่ต้องการ



จากนั้น ลากแอพไปยังตำแหน่งที่ต้องการ เมื่อเสร็จสิ้น กด Digital Crown หนึ่งครั้ง การเปลี่ยนแปลงของคุณก็จะเสร็จสมบูรณ์

     เปลี่ยนรูปแบบจาก IPhone
      
      - กดค้างที่แอพในหน้า Home



     
     เปิดแอพ Apple Watch ใน iPhone จากนั้น เลือกแตะที่ [My Watch] > [App Layout] ต่อมาหน้าจอ จะแสดงภาพสะท้อนการแสดงผลใน Apple Watch คุณสามารถ ทำการ แตะแล้วลากแอพต่างๆ เพื่อปรับแต่งหน้าจอหลักได้โดย Apple Watch จะแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในทันที

          - ต้องการกลับสู่รูปแบบหน้าจอเดิม





หากคุณต้องการให้หน้าจอ Home แสดงค่าตามเริ่มต้น กรุณาเข้าไปที่

[My Watch] > [General] > [Reset] >[Reset Home Screen Layout]

     รูปแบบของหน้าจอ Home ที่สามารถทำได้

สามเหลี่ยม



X




มงกุฏ




แบ่งแยก แอพประจำเครื่อง กับ แอพที่ติดตั้ง






เกี่ยวกับบลูทูธและ Wi-Fi บน Apple Watch

เกี่ยวกับบลูทูธและ Wi-Fi บน Apple Watch ใช้ทั้งสองอย่าง


เรียนรู้เกี่ยวกับ Wi-Fi และบลูทูธสำหรับ Apple Watch ของคุณ และเหตุผลที่คุณควร





เพลิดเพลินไปกับคุณสมบัติทั้งหมดบน Apple Watch ด้วยการเปิด Wi-Fi และบลูทูธบน iPhone ที่จับคู่ ปัดนิ้วขึ้นบน iPhone ของคุณเพื่อเปิด ศูนย์ควบคุม จากนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่า Wi-Fi และบลูทูธเปิดอยู่
Apple Watch ใช้ Wi-Fi และบลูทูธในการสื่อสารกับ iPhone ที่จับคู่ของคุณ โดยใช้การสลับไปมาระหว่างการเชื่อมต่อตามที่จำเป็น ดังนี้
  • Apple Watch จะใช้บลูทูธเมื่อ iPhone ของคุณอยู่ใกล้ๆ ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงาน  
  • ถ้าบลูทูธไม่พร้อมใช้งาน Apple Watch จะพยายามใช้ Wi-Fi เช่น ถ้า Wi-Fi ที่ทำงานร่วมกันได้ พร้อมใช้งาน และ iPhone ของคุณไม่ได้อยู่ในช่วงสัญญาณของบลูทูธ Apple Watch ก็จะใช้ Wi-Fi


Wi-Fi ที่ทำงานร่วมกันได้สำหรับ Apple Watch




Apple Watch ของคุณสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ได้ ในกรณีต่อไปนี้
  • หาก iPhone ของคุณมีการเชื่อมต่อกับเครือข่ายมาก่อน ในขณะที่เชื่อมต่อกับนาฬิกาของคุณด้วยบลูทูธ
  • หากเครือข่าย Wi-Fi เป็นแบบ 802.11b/g/n 2.4GHz
Apple Watch ของคุณก็จะไม่เชื่อมต่อกับ Wi-Fi 5GHz หรือเครือข่ายสาธารณะที่จำเป็นต้องมีการเข้าสู่ระบบ การสมัครใช้งาน หรือโปรไฟล์ เป็นต้น เมื่อ Apple Watch ของคุณเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ที่ทำงานร่วมกันได้แทนการเชื่อมต่อกับ iPhone ของคุณ ไอคอนคลาวด์สีเขียว จะปรากฏในหน้าปัดรวมการตั้งค่า

ตรวจสอบการเชื่อมต่อระหว่าง Apple Watch กับ iPhone ของคุณ

มีสองวิธีในการตรวจสอบการเชื่อมต่อระหว่าง Apple Watch กับ iPhone ของคุณ ดังนี้
  • หากคุณเห็น ไอคอน ยกเลิกการเชื่อมต่อแล้ว สีแดง  บนหน้าปัดนาฬิกา แสดงว่าคุณไม่ได้เชื่อมต่ออยู่
  • ปัดนิ้วขึ้นบนหน้าปัดนาฬิกาเพื่อเปิด หน้าปัดรวม ปัดนิ้วไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อค้นหา หน้าปัดรวมการตั้งค่า ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าคุณกำลังเชื่อมต่ออยู่หรือไม่ นอกจากนี้ คุณยังสามารถแตะ   หากเชื่อมต่อแล้ว iPhone ของคุณควรจะส่งเสียง "ปิ๊ง"



วิธีใช้งาน Apple Watch - การอัพเดทซอฟแวร์ Watch OS

วิธีใช้งาน Apple Watch - การอัพเดทซอฟแวร์ Watch OS


เมื่อต้องการอัพเดทระบบปฏิบัติการให้ Apple Watch วิธีการอัพเดทคือ เราจะทำการอัพเดทผ่านทางแอพที่มีชื่อว่า" Watch" ใน iPhone และก่อนการอัพเดท กรุณาตรวจสอบรายการดังต่อไปนี้
・iPhone ของคุณต้องอัพเดทเป็น iOS 9 แล้ว และต้องมีการเชื่อมต่อ Wi-Fi
・Apple Watch เชื่อมต่อกับแท่นชาร์จ หรือ มีจำนวนแบตเตอรี่คงเหลือ อย่างน้อย 50%
・iPhone ไม่ควรอยู่ห่าง Apple Watch มากจนเกินไป ช่วงสัญญาณการเชื่อมต่อจะได้ไม่ขาดหาย


          แตะ [Dowload Install]




     แตะแอพ Watch จากตัวเครื่อง iPhone จากนั้น แตะที่รายการ [General] > [Software Update] > [Download and Install] ตามลำดับ

เมื่ออยู่ในหน้าจอ Software Update คุณสามารถตรวจสอบข้อมูลรายละเอียด การอัพเดทในครั้งนี้ได้ โดยแตะที่หัวข้อ [Learn More] ข้อมูลเพิ่มเติมจะแสดงขึ้น



           ยอมรับเงื่อนไขและข้อตกลงในการใช้งาน




     ในหน้าจอเงื่อนไขและข้อตกลงให้แตะที่รายการ [Agree] เพื่อดำเนินการต่อ


※หากมีล็อกรหัสผ่าน iPhone ของคุณ ให้ป้อนรหัสผ่านของคุณ เมื่อระบบแสดงการร้องขอ



          เริ่มต้นดาวนืโหลด



          ระบบจะเริ่มดำเนินการดาวน์โหลด กรุณารอจนกว่ารายการจะเสร็จสมบูรณ์
หาก Apple Watch มีการตั้งค่ารหัสผ่านไว้ คุณต้องกรอกรหัสผ่านของ Apple Watch ก่อนการติดตั้ง


          อัพเดทสำเร็จ!


          Apple Watch จะได้รับการอัพเดทอย่างสมบูรณ์ เมื่อหน้าจอ iPhone แสดงดังภาพตัวอย่าง และเมื่ออัพเดทเสร็จแล้ว Apple Watch ของคุณจะทำการรีสตาร์ทตัวเอง


          ตรวจสอบเวอชั่นที่ Apple Watch





การใช้งานขั้นพื้นฐาน Apple Watch

การใช้งานขั้นพื้นฐาน  Apple Watch

เมื่อเริ่มต้นใช้งาน Apple Watch เชื่อว่าหลายๆคน คงสับสน ไม่รู้ว่ากดอะไรตรงไหน เพราะยังไม่คุ้นเคยอย่างเช่น iPhone ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี สำหรับหน้านี้ จะเป็นการอธิบาย การใช้งานเบื้องต้นของ Apple Watch แต่หากว่าคุณยังไม่ได้เริ่มต้นใช้งานเลย ต้องทำการจับคู่กับไอโฟนก่อน

ชื่อของปุ่มต่าง ๆ และการทำงานในแต่ละส่วน 




ปุ่ม Digital Crown

      -   เมื่อกดหนึ่งครั้ง

          ■ ไปสู่หน้าจอHome และ กลับสู่หน้าปัดหลัก
     เมื่อกดที่ Digital Crown หรือ เม็ดมะยมดิจิตอล หนึ่งครั้ง จะเป็นการนำคุณไปสู่หน้าจอหลัก หรือ หน้า Home สำหรับเปิดใช้งานแอปพลิเคชั่นต่างๆ ใน Apple Watch และกดอีกครั้ง เพื่อกลับสู่หน้าปัดนาฬิกาหลักที่ตั้งค่าไว้


          ■ แตะหรือลากนิ้วบนหน้าจอ
     เมื่ออยู่ที่หน้าโฮม ใช้นิ้วลากไปด้านซ้ายหรือขวา เพื่อเคลื่อนที่ไปยังแอปต่างๆ ที่อยู่บนหน้าจอหลัก และเมื่อกดที่เม็ดมะยมดิจิตอล หนึ่งครั้ง หน้าโฮมจะกลับสู่ปกติ




           - หากกดสองครั้งติดต่อกัน

    หากคุณกดที่กลางปุ่ม Digital Crown ติดกันสองครั้งอย่างเร็ว จะนำคุณไปยังแอปที่เพิ่งเปิดใช้งานล่าสุด


        - เมื่อกดค้างไว้



     จะเป็นการเริ่มต้นการใช้งาน Siri

          - หมุนที่ปุ่ม

           และหากคุณอยู่ในหน้าจอหลัก เมื่อหมุนที่ปุ่ม หน้าจอจะมีการปรับขนาดแอป คุณสามารถซูมเข้าหรือออกได้


ปุ่มด้านข้าง (Side bottom)


          - กดครั้งเดียว




     เมื่อกดที่ปุ่มด้านข้าง รายชื่อบุคคล ที่ได้ทำการ เพิ่มเป็นรายการโปรดไว้ ผ่านทางแอป Phone (โทรศัพท์) ที่ตัวเครื่อง iPhone จะเชื่อมต่อข้อมูลมาเป็นรายชื่อ Friends ใน Apple watch  จากหน้าจอนี้เมื่อแตะคุณจะสามารถโทรออก หรือ อ่านข้อความจากบุคคลนั้นได้ อย่างรวดเร็ว


          - กดค้างไว้


     การกดปุ่มด้านข้าง ค้างจะเป็นการเปิด/ปิดเครื่อง หรือใช้งานโหมดประหยัดพลังงาน และ ล็อคอุปกรณ์ เลือกปัดหน้าจอในหัวข้อที่ต้องการใช้งานไปด้านข้าง ในส่วนเมนู LOCK DEVICE นั้นจะแสดง ต่อเมื่อคุณมีการกำหนดรหัสผ่าน ของแอปเปิ้ลวอทช์ ไว้


          - กดแช่ที่หน้าจอ

           ■ ในส่วนหน้าปัด



     หากคุณอยู่ในหน้าปัดหลัก แล้วทำการกดแช่อย่างแรงที่หน้าจอ จะไปสู่หน้าการปรับแต่งหน้าปัด

          ■ ในแอปพลิเคชั่น


    ในระหว่างที่อยู่ในแอปพลิเคชั่นต่างๆ หากคุณกดแช่ที่หน้าจอค้างไว้ ฟังก์ชั่นเสริมในตัวของแอปนั้นๆ จะแสดงขึ้น เป็นการเรียกใช้งานตัวเลือกต่างๆในแอปนั่นเอง

※ในภาพตัวอย่างเป็นตัวเลือกใน app สภาพอากาศ (Weather)




วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558

11 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Apple Watch

11 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Apple Watch


          ในงานอีเว้นท์เปิดตัวสินค้าใหม่ของ Apple ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะ หรือ Apple Watch ตัวแรกกันไปแล้ว ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงต้นปี 2015 ราคาเริ่มต้นที่ 349 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 11,168 บาท) และต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะ "Apple Watch" จาก Apple


1. มีรูปร่างที่ทันสมัย







          Apple Watch ไม่ได้เป็นเพียงแค่อุปกรณ์ไฮเทค (High Tech) ที่เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถเท่านั้น แต่ยังพกพาดีไซน์ที่สวยงามทันสมัยมาด้วย  และนั่นคงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทาง Apple เชิญบล็อกเกอร์แฟชั่นมาร่วมในงานอีเว้นท์ในครั้งนี้  ด้วยหน้าปัดของ Apple Watch ที่มีขนาดเล็ก การใช้งานปุ่ม Digital Crown ทางด้านข้างจะช่วยนำทางไปยังเมนูต่างๆ รวมถึงการซูมหน้าจอ การ scroll up และ การ scroll down ได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น แต่หน้าปัดของนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะตัวนี้ก็ยังสามารถใช้งานแบบจอสัมผัสได้

2. มีแบบให้เลือกมากขึ้น 




สำหรับดีไซน์ของ Apple Watch ได้รับการดีไซน์ออกมาถึง 3 รุ่นด้วยกัน คือ รุ่น Regular Watch ดีไซน์เป็นกรอบสแตนเลสมาตรฐาน, รุ่น Watch Edition เพิ่มความหรูหราด้วยการทำกรอบทอง 18 เค และรุ่น Watch Sport ดีไซน์เป็นกรอบอลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบาและเพิ่มความทนทาน
ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีหน้าจอ 2 ขนาด คือ 1.5 นิ้ว และ 1.65 นิ้ว สามารถสวมใส่ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย และยังมีสายข้อมือที่มาให้เลือกหลากหลายสไตล์ไม่ว่าจะเป็นแบบแนวสปอร์ต หรือจะเป็นแบบแนวหรูหราดูดีมีสไตล์ อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งหน้าปัดนาฬิกาได้ตามความชอบอีกด้วย

3. ต้องใช้งานคู่กับ iPhone 


          การทำงานของนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะ Apple Watch ต้องมีการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับเพื่อการทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับ ได้แก่ iPhone 5 หรือ iPhone 6

4. รูปแบบใหม่ของการสื่อสาร


          ผู้ใช้งานสามารถสเกตซ์ภาพบนหน้าปัด Apple Watch โดยเลือกฟังก์ชั่นใช้งานจากปุ่ม Digital Touch เพื่อแชร์ความรู้สึกเป็นภาพสเกตซ์แบบดิจิตอล หรือจะส่งไอคอนอิโมจิแบบเคลื่อนไหวได้ที่มีมาพร้อมกับระบบในตัวเรือนนาฬิกาไปยังกลุ่มเพื่อนที่มี Apple Watch เหมือนกันได้  หรือจะส่งข้อความเสียงหากันแบบวอล์คกี้ทอล์คกี้ภายในกลุ่มเพื่อนที่มี Apple Watch ก็สามารถทำได้อีกด้วย

5. เป็นเทรนเนอร์ควบคุมการออกกำลังกาย


          Apple Watch เป็นอุปกรณ์ที่ให้ข้อมูลทางด้านสุขภาพและการออกกำลังกายอย่างครบวงจร เช่น ความสามารถในการนับอัตราการเต้นของหัวใจ, อัตราการเผาผลาญแคลอรี่, ข้อมูลการออกกำลังกายในหนึ่งวัน ซึ่ง Apple Watch สามรถบันทึกพฤติกรรมการออกกำลังกายของผู้ใช้งานและให้คำแนะนำเกี่ยวกับพฤติกรรมการออกกำลังกายเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายการออกกำลังกายที่ได้ตั้งไว้  ทั้งนี้ จะต้องใช้งานรวมกับแอพพลิเคชั่นการออกกำลังกาย (Fitness app) บน iPhone เพื่อแทร็กข้อมูลพฤติกรรมการออกกำลังกายและเก็บเป็นข้อมูลการออกกำลังกายในระยะยาวได้

6. เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ชำระเงินค่าสินค้าได้



          ผู้ใช้งานสามารถใช้ Apple Watch ในการชำระค่าสินค้า เพียงแค่แท็บตัวนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะกับเครื่องรับชำระเงินก็สามารถใช้ชำระค่าสินค้าต่างๆ ได้

7. ใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชั่นภายนอก

นอกเหนือจากการแจ้งเตือนแบบข้อความตัวอักษรและการอัพเดตข้อมูลทางด้านการออกกำลังกายบน iPhone ได้แล้ว Apple Watch ยังสามารถแสดงผลการแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นต่างๆ เมื่อมีรายการการอัพเดต เช่น การแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่น Facebook, การแจ้งผลคะแนนการแข่งขันเบสบอล, และการบอกรายละเอียดตำแหน่งที่จอดรถ (เฉพาะรถ BMW) รวมถึงโรงแรมในเครือ Starwood ได้จับมือกับ Apple ออกแบบแอพพลิเคชั่นเพื่อใช้ในการเปิดประตูห้องพักในโรงแรม โดยใช้นาฬิกาข้อมืออัจฉริยะ Apple Watch

8. มีการนำเสนอวิธีการชาร์จแบต แต่ไม่ได้บอกว่าจะใช้งานได้นานเท่าไหร่


          ในงานอีเว้นท์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาได้มีการพูดแนะนำนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะ Apple Watch รวมถึงวิธีการชาร์จไฟของอุปกรณ์ดังกล่าว โดยจะใช้สายชาร์จแม่เหล็กเชื่อมต่อเข้ากับด้านหลังของนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะ แต่ในเรื่องของอายุการใช้งานแบตเตอรี่ (Battery life) ยังไม่ได้มีการเอ่ยถึง  ซึ่งประเด็นเรื่องอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ไม่ยาวนานยังคงเป็นปัญหาอยู่ในตลาดของนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะ เพราะนาฬิกาข้อมือแจฉริยะบางยี่ห้อสามารถใช้งานได้แค่ 5-7 วัน หรืออาจจะน้อยกว่านั้น คือใช้ได้แค่ 2-3 ชั่วโมง แม้ว่าจะเป็นยี่ห้อรุ่นที่เป็นหน้าจอขาว-ดำและใช้หน้าจอสัมผัสไม่ได้  ทางด้านบริษัทคู่แข่งที่พากันมาทำตลาดนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะก็ทำให้เห็นแล้วว่า Apple Watch จะต้องเจอกับอุปสรรคปัญหาอะไรบ้างเมื่อมีการออกวางจำหน่ายในต้นปี 2015 แล้ว อย่างเช่น SmartWatch 3 ของ Sony สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้แค่ 2 วัน และ Moto 360 ของ Motorola ที่ถูกโจมตีเรื่องอายุการใช้งานแบตเตอรี่ก่อนที่จะมีการออกวางจำหน่าย ซึ่งแบตเตอรี่ Moto 360 นั้นสามารถใช้งานได้ 24 ชั่วโมงเท่านั้น

9. เรียนรู้ภาษาใหม่จากการสั่นของนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะ

ด้วยระบบ Morse code ทำให้ Apple Watch สามารถบอกทิศทางได้ด้วยการสั่นสะเทือนที่มีรูปแบบเฉพาะตามทิศทาง ซึ่งผู้ใช้งานจะสามารถทราบทิศทางที่แตกต่างกันได้ด้วยรูปแบบการสั่นเตือนที่ต่างกัน
เช่น เมื่อถึงกำหนดให้เลี้ยวซ้าย Apple Watch จะสั่นเตือนด้วยการสั่นรูปแบบหนึ่ง และเมื่อต้องเลี้ยวขวาก็จะมีการสั่นเตือนเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง

10. Siri



          เพียงแค่กดปุ่ม Digital Crown เรียกการใช้งาน Siri ก็สามารถใช้คำสั่งเสียงกับ Apple Watch เพื่อถามข้อมูลเรื่องสภาพอากาศ ค้นหาสถานที่ต่าง ๆ ในละแวกใกล้เคียงได้

11. จับเวลาได้อย่างแม่นยำ


          นอกจากพวกไฮเทคโนโลยีแล้ว นาฬิกาข้อมือ Apple Watch ก็ยังสามารถบอกเวลาได้อย่างถูกต้องตรงตามเวลามาตรฐานโลก และจับเวลาได้อย่างแม่นยำไม่เกิน 50 มิลลิวินาทีของเวลามาตรฐานโลกเช่นเดียวกัน